ไฮไลท์หลักสูตร Neo -Go Live

ความเสี่ยง(ที่เลี่ยงได้) ในการทำการค้าระหว่างประเทศ

การหาตลาดให้กับธุรกิจนั้นเป็นเรื่องยากในปัจจุบัน ใครที่เปิดตลาดเพิ่มได้ หรือหาคู่ค้าที่มียอดสั่งซื้ออย่างสม่ำเสมอได้ถือว่าโชคดีเป็นอย่างมาก ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจโลกที่มีการทำสงครามทางการค้า ส่งผลกระทบในเชิงลบกับการทำการค้าระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ก็อย่าเพิ่งชะล่าใจ เพราะคำสั่งซื้อที่ได้มา อาจจะแปรเปลี่ยนเป็น "ทุกขลาภ" ได้ ถ้าหากมองข้ามความเสี่ยงด้านการค้าระหว่างประเทศ

ความเสี่ยงที่ 1 คือ การขาดสภาพคล่องทางธุรกิจ เนื่องจากการทำการค้ากับคู่ค้าต่างประเทศโดยส่วนใหญ่เป็น Distributor ซึ่งมักสั่งสินค้าในจำนวนมาก เพื่อลดต้นทุนการขนส่ง และเพิ่มอำนาจในการต่อรองราคากับผู้ส่งออก ยิ่งสั่งซื้อมากก็ยิ่งมีอำนาจในการต่อรองขอเครดิตเทอมยาวขึ้นได้อีกด้วย

ในมุมผู้ส่งออกการมียอดสั่งซื้อมากก็แปลว่าผู้ส่งออกต้องสต็อกสินค้ามากขึ้น ต้องจ่ายเงินมากขึ้น ในขณะที่เงินเข้ามาช้า หากไม่มีการบริหารสภาพคล่องที่ดี ย่อมส่งผลกระทบต่อการดำเนินกิจการ ยิ่งถ้าเกิดเหตุการณ์ที่ผู้ซื้อจ่ายเงินล่าช้ากว่ากำหนด อาจเป็นผลทำให้ธุรกิจต้องหยุดชะงักเลยก็ได้

แนวทางการป้องกันความเสี่ยงนี้ นอกจากหาทางจ่ายเงินให้ช้าลง แล้วเก็บเงินให้เร็วขึ้น (ซึ่งทำได้ยาก) การมีแหล่งเงินทุนสำรองเพื่อบริหารสภาพคล่องจึงเป็นเรื่องจำเป็น หากกำไรสะสมของธุรกิจยังมีไม่มากพอ การมีเงินทุนหมุนเวียนก็จะช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาได้

ความเสี่ยงในลำดับที่ 2 คือ ความเสี่ยงที่ผู้ซื้อจะปฏิเสธการชำระเงิน ปัญหานี้ก็ถือว่าเป็นปัญหาคลาสสิคในการทำธุรกิจแทบทุกประเภท ถ้าขายในประเทศ แล้วลูกหนี้การค้าหนีหนี้ หรือจ่ายช้า เรายังสามารถติดตามทวงหนี้ได้ ซึ่งขนาดภายในประเทศ ลูกหนี้บางคน เรายังตามเก็บหนี้ได้ยาก หรือไม่ก็ถอดใจยกหนี้ให้ไปเลย หากเกิดเหตุการณ์เดียวกันแต่เป็นผู้ซื้อต่างประเทศ แน่นอนว่าจะมีความยุ่งยากเพิ่มขึ้นมากมาย

โดยมากแล้ว ผู้ส่งออกมักจะ Self Insure กับความเสี่ยงนี้ เพราะเชื่อว่าคู่ค้าของตนเองไว้ใจได้ ทำการค้ากันมานานไม่โกงหรอก แต่อย่างไรก็ตามการที่คู่ค้าไม่ชำระเงินอาจจะไม่ได้เป็นเพราะการตั้งใจโกงเสมอไป การไม่ชำระเงินอาจมีสาเหตุจากการขาดสภาพคล่องทางธุรกิจ ธุรกิจประสบปัญหาขาดทุน หรือถูกฟ้องล้มละลายจากความผิดพลาดในการบริหารธุรกิจ เป็นเรื่องยากที่ผู้ส่งออกจะรู้ถึงปัญหาเหล่านี้ ส่วนใหญ่คือรู้ในวันที่สายเกินแก้แล้ว

แม้ผู้ส่งออกจะไม่สามารถทราบสภาพภายในบริษัทคู่ค้าได้ แต่ก็สามารถป้องกันความเสี่ยงดังกล่าว ด้วยการทำประกันการส่งออก ซึ่งจะได้รับการคุ้มครองเรื่องความเสี่ยงในการไม่ได้รับการชำระเงินจากผู้ซื้อได้

ความเสี่ยงลำดับที่ 3 คือ การค้าการส่งออกระหว่างประเทศมักจะมีการซื้อขายกันเป็นสกุลเงินตราต่างประเทศ อาจส่งผลต่อรายได้เมื่อแปลงกลับมาเป็นสกุลเงินบาท ซึ่งก็คือความเสี่ยงจากความผันผวนของค่าเงิน เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนในวันที่เสนอราคา (เป็นสกุลเงินต่างประเทศ) กับวันที่ได้รับเงิน อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศอาจมีความแตกต่างกัน หากค่าเงินบาทในวันที่ได้รับเงินตราต่างประเทศเกิดแข็งค่ากว่าในวันที่เสนอราคา ก็จะส่งผลให้ผู้ส่งออกขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ทำให้ได้กำไรน้อยลง หรือขาดทุนได้

ดังนั้นผู้ส่งออกควรป้องกันความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนด้วยการทำสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า เพื่อทำการล็อคอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งจะช่วยให้ผู้ส่งออกคำนวณราคาที่เสนอเป็นสกุลเงินต่างประเทศได้ไม่ต้องกังวลว่าเงินบาทจะแข็งขึ้นหรือไม่ในวันที่ได้รับการชำระเงินเป็นสกุลต่างประเทศ

หากท่านสนใจธุรกิจด้านการส่งออก EXAC ขอเชิญชวนท่านเข้าร่วมหลักสูตร “Neo Go-Live by EXAC” เรียนง่ายๆ จากที่บ้านผ่านช่องทางออนไลน์ ฟรี! แถมมีที่ปรึกษาทางธุรกิจ พร้อมสิทธิประโยชน์มากมาย

สนใจสมัคร ได้ที่ https://www.facebook.com/groups/neogolive/

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการค้า EXIM BANK โทร 02-271-3700 ต่อ 3502

#NeoGoLivebyEXAC
#EXACbyEXIMBANK
#เติมเต็มความเป็นเลิศส่งออกไทยเติบโตไกลอย่างยั่งยืน
#EXIMBANK
#ส่งออก